อนุทินที่ 2



แบบฝึกหัด

คำสั่ง หลังจากนักศึกษาได้ศึกษาบทเรียนน้ีแล้ว จงตอบคำถามต่อไปน้ีให้ถูกต้อง

1. ท่านคิดว่าทำไมมนุษย์เราถึงต้องมีกฎหมาย หากไม่มีจะเป็นอย่างไร
ตอบ มนุษย์เราจำเป็นต้องมีกฎหมายมาบังคับใช้ในการดำรงชีวิต เพราะว่าต่างคนต่างที่มา ต่างความคิด เราจึงต้องมีกฎไว้ยึดปฏิบัติเหมือนกันในสังคมเดียวกัน ถ้าเราไม่มีกรอบระเบียบในการปกครอง ก็จะไม่มีกรอบในการปฏิบัติ สังคมก็จะเกิดความวุ่นวาย

2. ท่านคิดว่าสังคมปัจจุบันจะอยู่ได้หรือไม่หากไม่มีกฎหมายและจะเป็นอย่างไร
ตอบ สังคมจะอยู่ไม่ได้แน่นอนถ้าไม่มีกฎหมายบังคับ สังคมคงจะวุ่นวายอย่างมาก อาจจะเกิดความขัดแย้ง อาจทะเลาะกันเพราะความเห็นไม่ตรงกันบ้าง เป็นต้น เพราะต่างคนก็ต่างใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการโดยไม่แคร์ถึงผู้อื่นในสังคม จะทำอะไรก็ทำ ไม่แคร์ถึงผลเสียที่ตามมา ถ้าคนปฏิบัติดีอยู่แล้วก็ดีไป แต่ถ้าปฏิบัติในสิ่งที่ไม่ดีก็คงจะเป็นเรื่องแย่ เพราะทุกคนจะคิดว่าทำอะไรก็ได้ ไม่มีการลงโทษใดใดสำหรับคนทำผิด

3. ท่านมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายอย่างไรในประเด็นต่อไปนี้
ก. ความหมาย
ตอบ กฎหมาย คือ กฎหรือข้อบังคับจากบุคคลที่มีอำนาจสูงสุดของรัฐที่กำหนดใช้ร่วมกันในสังคม ถ้าใครละเมิดกฎหมายก็ต้องได้รับบทลงโทษ

ข. ลักษณะหรือองค์ประกอบของกฎหมาย
ตอบ 1. เป็นคำสั่งหรือข้อบังคับที่เกิดจากรัฎฐาธิปไตย์ที่องค์กรหรือคณะบุคคลที่มีอำนาจสูงสุด อาทิ  รัฐสภาฝ่ายนิติบัญญัติ  หัวหน้าคณะปฏิวตัิ  กษัตริย์ในระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ สามารถ ใช้อำนาจบัญญัติกฎหมายได้
      2. มีลักษณะเป็นคำสั่งข้อบังคับ อันมิใช่คำวิงวอน ประกาศ หรือแถลงการณ์ อาทิ  ประกาศของกระทรวงศึกษาธิการ  คำแถลงการณ์ของคณะสงฆ์  ให้ถือเป็นแนวปฏิบัติมิใช่กฎหมาย  สำหรับคำสั่งข้อบังคับที่เป็นกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
      3. ใช้บังคับกับคนทุกคนในรัฐอย่างเสมอภาค  เพื่อให้ทุกคนเกรงกลัวและถือปฏิบตัิ สังคมจะสงบสุขได้
      4. มีสภาพบังคับ ซ่ึงบุคคลจะต้องปฏิบตัิตามกฎหมาย หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม ฝ่าฝืนอาจถูกลงโทษ เช่น รอลงอาญา  ปรับ จำคุก  กักขัง ริบทรัพย์  แต่หากเป็นคดีแพ่ง  ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจะต้องชดใช้ค่าสินไหม ทดแทน

ค. ที่มาของกฎหมาย
ตอบ 1. บทบัญญัติแห่งกฎหมาย  เป็นกฎหมายลักษณ์อักษร  เช่น กฎหมายประมวลรัษฎากร รัฐธรรมนูญ  พระราชบัญญัติ  พระราชกำหนด  พระราชกฤษฎีกา  กฎกระทรวง  เทศบัญญัติ  ซึ่ง ผู้มีอำนาจแห่งรัฐหรือผู้ปกครองประเทศเป็นผู้ออกกฎหมาย
      2. จารีตประเพณี  เป็นแบบอย่างที่ประชาชนนิยมปฏิบัติตามกันมานาน  หากนำไปบัญญัติ เป็นกฎหมายลายลักษณ์อักษรแล้วย่อมมีสภาพไปเป็นกฎหมาย  เช่น  การชกมวยเป็นกีฬา  หากชกตามกติกา  หากคู่ชกบาดเจ็บสาหัสหรือถึงแก่ชีวิต  ย่อมไม่ผิดฐานทำร้ายร่างกายหรือฐานฆ่าคนตาย
      3. ศาสนา  เป็นข้อห้ามและข้อปฏิบัติที่ดีของทุก ๆ ศาสนาสอนให้เป็นคนดี  เช่น ห้ามลักทรัพย ์ห้ามผิดลูกเมีย ห้ามทำร้ายผู้อื่น กฎหมายจึงไดบัญญัติตามหลักศาสนาและมีการลงโทษ
      4. คำพิพากษาของศาลหรือหลักบรรทัดฐานของคำพิพากษา ซึ่งคำพิพากษาของศาลชั้นสูง เป็นแนวทางที่ศาลชั้นต้นต้องนำไปถือปฏิบัติในการตัดสินคดีหลัง ๆ ซึ่งแนวทางเป็นเหตุผลแห่งความคิดของตนว่าทำไมจึงตัดสินคดีเช่นนี้ อาจนำไปสู่การแก้ไขกฎหมายในแนวความคิดนี้ได้ จะต้องตรงตามหลักความจริงมากที่สุด 
      5. ความเห็นของนักนิติศาสตร์ เป็นการแสดงความคิดเห็นว่าสมควรที่จะออกกฎหมาย อย่างนั้น สมควรหรือไม่ จึงทำให้นักนิติศาสตร์  อาจจะเป็นอาจารยผู้มีชื่อเสียงในกฎหมายได้แสดงความคิดเห็นว่ากฎหมายฉบับนั้นได้

ง. ประเภทของกฎหมาย
ตอบ ก. กฎหมายภายใน มีดังนี้
          1. กฎหมายที่เป็นลายลักษณ์อักษรและไม่เป็นลายลักษณ์อักษร
             1.1 กฎหมายที่เป็นลายลักษณ์อักษร
             1.2 กฎหมายที่เป็นไม่เป็นลายลักษณ์อักษร
          2. กฎหมายที่มีสภาพบังคับทางอาญา และกฎหมายที่มีสภาพบังคับทางแพ่ง
              2.1 กฎหมายที่มีสภาพบังคับทางอาญา
              2.2 กฎหมายที่มีสภาพบังคับทางแพ่ง
          3. กฎหมายสารบัญญัติ และกฎหมายวิธีสาบัญญัติ
              3.1 กฎหมายสารบัญญัติ
              3.2 กฎหมายวิธีสาบัญญัติ
          4. กฎหมายมหาชน และกฎหมายเอกชน
             4.1 กฎหมายมหาชน
             4.2 กฎหมายเอกชน
       ข. กฎหมายภายนอก
          1. กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีเมือง
          2. กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล
          3. กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีอาญา

4. ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร ว่า ทำไมทุกประเทศจำเป็นต้องมีกฎหมาย จงอธิบาย
ตอบ เพราะกฎหมายนั้นเป็นข้อบังคับที่ใช้ควบคุมความประพฤติของมนุษย์ในสังคม โดยทุกสังคมย่อมมีความต้องการกฎเกณฑ์สำหรับจัดระเบียบพฤติการณ์ในสังคม มนุษย์จำต้องมีกฎเกณฑ์เพื่อการใช้ชีวิตในประเทศให้มีความสุข การอยู่ร่วมกันของมนุษย์ เพื่อไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ทำร้ายร่างกาย ซึ่งสาเหตุมาจากความไม่พึงพอใจ มีการแก่งแย่ง การแก้แค้นซึ่งกันและกัน ถ้ามีการใช้กำลังกันบ่อยเข้าสังคมมนุษย์จึงไม่อาจดำรงอยู่ได้ ความมีเหตุผลเป็นพื้นฐานที่สังคมมนุษย์พัฒนาการจากสังคมเล็กที่สุด คือครอบครัว ไปสู่สังคมที่ใหญ่ที่สุดคือ รัฐจึงทำให้มนุษย์สร้าง กฎเกณฑ์ ระเบียบแบบแผนขึ้น ระบบระเบียบแบบแผนที่มนุษย์สร้างขึ้นใช้เป็นเกณฑ์สร้างความสัมพันธ์เหล่านี้ เป็นแนวทางหรือกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เป็นแบบแผนเพื่อควบคุมควบความประพฤติสมาชิกในสังคมรวมทั้งเพื่อรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยในสังคม ซึ่งบางเรื่องมีลักษณะไม่คงที่ยาวนาน และบรรทัดฐานที่สำคัญทางสังคมคือ กฎหมาย (Law)

5. สภาพบังคับในทางกฎหมายท่านมีความเข้าใจอย่างไร จงอธิบาย
ตอบ กฎหมายต้องมีสภาพบังคับ เพราะ กฎหมายเป็นกฎเกณฑ์ที่กำหนดความประพฤติของมนุษย์ เพื่อให้มนุษย์จำต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ จึงจำเป็นต้องมีสภาพบังคับในกรณีที่มีการฝ่าฝืนกฎเกณฑ์กฎหมายใดไม่มีสภาพบังคับไม่เรียกว่าเป็นกฎหมาย

6. สภาพบังคับกฎหมายในอาญาและทางแพ่ง มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
ตอบ สภาพบังคับของกฎหมายคือโทษต่างๆในกฎหมาย ถ้าเป็นสภาพบังคับอาญา ได้แก่ประหารชีวิต จำคุก กักขัง ปรับ ริบทรัพย์สิน ส่วนสภาพบังคับของกฎหมายแพ่ง ได้แก่การกำหนดให้การกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายนั้นตกเป็นโมฆะหรือโมฆียะ

7. ระบบกฎหมายเป็นอย่างไร จงอธิบาย
ตอบ ระบบของกฎหมาย แบ่งเป็น 2 ระบบดังนี้
1. ระบบซีวิลลอร์ (Civil  Law System) หรือระบบลายลักษณ์อักษร  เป็นระบบเอามาจาก “Jus Civile” ใชแ้ยกความหมาย “Jus  Gentium” ของโรมัน  ซึ่งมีลักษณะพิเศษคือ  เป็นกฎหมายลายลักษณ์อักษรที่มีความสำคัญกว่าอย่างอื่น  คำพิพากษาของศาลไม่ใช่ที่มาของกฎหมาย แต่เป็นบรรทัดฐานแบบอย่างของการตีความกฎหมาย เท่านั้น  เริ่มต้นจากตัวบทกฎหมายเป็นสำคัญ จะถือเอาคำพิพากษาศาลหรือความคิดเห็นของนักกฎหมายเป็นหลักไม่ได้ 
2. ระบบคอมมอนลอว์ (Common Law System)  เกิดและวิวัฒนาการขึ้นในประเทศอังกฤษ มีรากเหง้ามาจากศักดินา  ซึ่งจะต้องกล่าวถึงคำว่า “เอคควิตี้  (equity)  เป็นกระบวนการเข้าไปเสริมแต่งให้คอมมอนลอว์เป็นการพัฒนามาจากกฎหมายที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร นำเอาจารีตประเพณี และคำพิพากษา  ซ่ึงเป็นบรรทัดฐานของศาลสมัยเก่ามาใช้  จนกระทั่งเป็นระบบกฎหมายที่มีความสมบูรณ์ในตัวเอง  การวินิจฉัยต้องอาศัยคณะลูกขุนเป็นผู้ตัดสินชี้ขาด  ประเทศที่ใช้ระบบกฎหมายนี้  เช่น  อังกฤษ  สหรัฐอเมริกา  และประเทศในเครือจักรภพอังกฤษ 
         
8. ประเภทของกฎหมายมีหลักการแบ่งอย่างไรบ้าง มีกี่ประเภท แต่ละประเภทประกอบด้วย
อะไรบ้าง ยกตัวอย่างอธิบาย
ตอบ ประเภทของกฎหมาย ที่จะศึกษาแบ่งได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
1.  ประเภทแบ่งตามระบบหรือที่มาของกฎหมาย
1. 1 ระบบลายลักษณ์อักษร ( Civil law System ) ประเทศไทยใช้ระบบนี้เป็นหลัก  กระบวนการจัดทำกฎหมายมีขั้นตอนที่เป็นระบบ มีการจดบันทึก มีการกลั่นกรองของฝ่ายนิติบัญญัติคือ รัฐสภา มีการจัดหมวดหมู่กฎหมายของตัวบทและแยกเป็นมาตรา เมื่อผ่านการกลั่นกรองจากรัฐสภาแล้ว จะประกาศใช้เป็นกฎหมายโดยราชกิจจานุเบกษา กฎหมายลายลักษณ์อักษรนี้ ได้แก่ กฎหมายรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ พระราชกำหนด พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง
1.2 ระบบไม่เป็นลายลักษณ์อักษรหรือจารีตประเพณี ( Common Law System) เป็นกฎหมาย   ที่มิได้มีการจัดทำเป็นลายลักษณ์อักษร ไม่มีการจัดเป็นหมวดหมู่ และไม่มีมาตรา หากแต่เป็นบันทึกความจำตามขนบธรรมเนียมประเพณีที่ใช้กันต่อๆมา ตั้งแต่บรรพบุรุษรวมทั้งบันทึกคำพิพากษาของศาลที่พิพากษาคดีมาแต่ดั้งเดิม ประเทศที่ใช้กฎหมายจารีตประเพณี หรือไม่เป็นลายลักษณ์อักษร ได้แก่ ประเทศอังกฤษและประเทศทั้งหลายในเครือจักรภพของอังกฤษ
2.  ประเภทแบ่งตามลักษณะการใช้กฎหมาย
2.1 กฎหมายสารบัญญัติ คือ กฎหมายที่บัญญัติถึงสิทธิและหน้าที่ของบุคคล กำหนด ข้อบังคับความประพฤติของบุคคลทั้งในทางแพ่งและในทางอาญา โดยเฉพาะในทางอาญา คือ ประมวลกฎหมายอาญา จะบัญญัติลักษณะการกระทำอย่างใดเป็นความผิดระบุองค์ประกอบความผิดและกำหนดโทษไว้ว่าจะต้องรับโทษอย่างไร และในทางแพ่ง คือ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  จะกำหนดสาระสำคัญของบทบัญญัติว่าด้วยนิติสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในฐานะต่าง ๆ ตามกฎหมาย เช่น นิติกรรม หนี้ สัญญา เอกเทศสัญญา เป็นต้น
2.2 กฎหมายวิธีสบัญญัติ คือ กฎหมายที่บัญญัติถึงวิธีการปฏิบัติด้วยการนำเอากฎหมายสารบัญญัติไปใช้ไปปฏิบัตินั่นเอง เช่น ไปดำเนินคดีในศาลหรือเรียกว่า  กฎหมายวิธีพิจารณาความก็ได้  กฎหมายวิธีสบัญญัติจะกำหนดระเบียบ ระบบ ขั้นตอนในการใช้ เช่น กำหนดอำนาจเจ้าหน้าที่ของรัฐในการดำเนินคดีอาญาต่อผู้ต้องหา วิธีการร้องทุกข์ วิธีการสอบสวนวิธีการนำคดีที่มีปัญหาฟ้องต่อศาล วิธีการพิจารณาคดีต่อสู้คดี ในศาลรวมทั้งการบังคับคดีตามคำสั่ง หรือคำพิพากษาของศาล เป็นต้น กฎหมายวิธีสบัญญัติ จะกำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเป็นหลัก
3.  ประเภทแบ่งตามบทบัญญัติในกฎหมายที่มีความสัมพันธ์กับประชาชน
3.1 กฎหมายมหาชน เป็นกฎหมายที่รัฐตราออกใช้กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับ ประชาชนการบริหารประเทศ รัฐมีฐานะเป็นผู้ปกครองประชาชนด้วยการออกกฎหมายและให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยแก่สังคม จึงตรากฎหมายประเภทมหาชนซึ่งเกี่ยวข้องกับประชาชนเป็นส่วนรวมทั้งประเทศ และทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎหมายการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจะมีผลกระทบต่อบุคคลของประเทศเป็นส่วนรวม จึงเรียกว่า กฎหมายมหาชน กฎหมายประเภทนี้ ได้แก่ กฎหมายรัฐธรรมนูญ กฎหมายปกครอง เช่น พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน กฎหมายอาญา เป็นต้น
3.2 กฎหมายเอกชน เป็นกฎหมายที่กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนกับเอกชน ด้วยกันเอง เป็นความสัมพันธ์ในเรื่องสิทธิและหน้าที่ระหว่างคู่สัญญา คือ เอกชนด้วยกันเอง รัฐไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย เพราะไม่มีผลกระทบต่อสังคมส่วนรวม  จึงให้ประชาชนมีอิสระกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างกันภายในกรอบของกฎหมายเพื่อคุ้มครองความเสมอภาคมิให้เอาเปรียบต่อกันจนเกิดความไม่เป็นธรรมขึ้นต่อ

 
9. ท่านเข้าใจถึงคำว่าศักดิ์ของกฎหมายคืออะไร มีการแบ่งอย่างไร
ตอบ ศักดิ์ของกฎหมาย คือ การจัดลำดับแห่งค่าบังคับของกฎหมายหรืออาจกล่าวได้ว่าอาศัยอำนาจขององค์กรที่ใช้อำนาจจากองค์กรที่แตกต่างกันจากประเด็นดังกล่าวพอที่จะกล่าวต่อไปได้อีกว่า ในการจัดลำดับมีการจัดอย่างไร ซึ่งจะต้องอาศัยหลักว่า กฎหมายหรือบทบัญญัติใดของกฎหมายที่อยู่ในลำดับที่ต่ำกว่า จะขัดหรือแย้งกับกฎหมายในลำดับที่สูงกว่าไม่ได้และเราจะพิจารณาอย่างไร
                (1) การออกกฎหมายโดยฝ่ายนิติบัญญัติ ควรจะเป็นกฎหมายเฉพาะที่สำคัญ เป็นการกำหนดหลักการและนโยบายเท่านั้น เช่น พระราชบัญญัติที่ออกโดยรัฐสภาซึ่งเป็นตัวแทนของปวงชน
                (2) การให้รัฐสภา เป็นการทุ่นเวลา และทันต่อความต้องการและความจาเป็นของสังคม
                (3) ฝ่ายบริหารหรือองค์กรอื่นจะออกกฎหมายลูกจะต้องอยู่ในกรอบของหลักการและนโยบายในกฎหมายหลักฉบับนั้น
มีการจัดลำดับความสำคัญตามศักดิ์ของกฎหมาย (Hierarchy  of  laws)  พอที่จะสรุปได้ดังนี้  
1. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย                          
2.พระราชบัญญัติและประมวลกฎหมาย
3.  พระราชกำหนด                                                       
4. ประกาศพระบรมราชโองการให้ใช้บังคับ
5. พระราชกฤษฎีกา                                                      
6. กฎกระทรวง
7. ข้อบัญญัติจังหวัด                                                     
8. เทศบัญญัติ
9. ข้อบังคับองค์การบริหารส่วนตำบล


10. เหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2555 มีเหตุการณ์ชุมนุมของประชาชนณลานพระบรมรูปทรงม้าและประชาชนได้ประกาศว่าจะมีการประชุมอย่างสงบแต่ปรากฏว่ารัฐบาลประกาศเป็นเขตพื้นที่ห้ามชุมนุมและขัดขว้างไม่ให้ประชาชนชุมนุมอย่างสงบลงมือทำร้ายร่างกายประชาชนในฐานะท่านเรียนวิชานี้ท่านจะอธิบายบอกเหตุผลว่ารัฐบาลกระทำผิดหรือถูก
ตอบ   เป็นการกระทำที่ผิด เพราะ ประชาชนมีสิทธิที่จะเรียกร้องสิทธิของตนเองกันทั้งนั้น แต่ถ้ารัฐบาลกระทำรุนแรงกับประชาชนแล้วสิทธิของประชาชนจะตั้งไว้เพื่อทำอะไร เพราะในรัฐธรรมนูญ ระบุอยู่แล้วว่า บุคคลมีหน้าที่รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และการครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข บุคคลมีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย บุคคลมีหน้าที่ไปใช้สิทธิของตนเอง และบุคคลมีหน้าที่ป้องกันประเทศ

11. ท่านมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ คำว่า กฎหมายการศึกษาอย่างไร จงอธิบาย
ตอบ กฎหมายการศึกษา กฎหมายรัฐธรรมนูญว่าด้วยการศึกษาคือ จะเป็นกฎหรือคำสั่งหรือข้อบังคับของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาที่สถาบันหรือหน่วยงานผู้มีอำนาจได้ตราขึ้นบังคับใช้ และถือว่ากฎหมายทางการศึกษาฉบับแรกคือ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ  เพื่อให้ครูและบุคลากรและผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจกฎหมายการศึกษาให้มากขึ้น กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา จะสามารถนำไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการศึกษาของชาติอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อไป

12. ในฐานะที่นักศึกษาจะต้องเรียนวิชานี้ ถ้าเราไม่ศึกษากฎหมายการศึกษาท่านคิดว่า เมื่อท่านไปประกอบอาชีพครู จะมีผลกระทบต่อท่านอย่างไรบ้าง
ตอบ กฎหมายทางการศึกษา เป็นหัวใจสำคัญในการศึกษา ที่จะทำให้คนมาเป็นครูได้นั้นจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับ กฎหมาย ว่ามีอะไรบ้าง มีข้อห้าม ข้อควรปฏิบัติอย่างไรทำให้เราได้เข้าใจและนำไปให้ทางการศึกษา การเรียนการสอน ฉะนั้น ถ้าเราไม่รู้กฎหมายทางการศึกษาจะทำให้เกิดผลกระทบหลายด้านไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ การจัดการศึกษาอย่างไรที่จะต้องเป็นไป  เพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดารงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข  และจะต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการรับการศึกษานั้นต้องทำอย่างไร  สิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานที่คนเป็นครูจะต้องทราบเพื่อจะได้ส่งเสริมกระบวนการจัดการศึกษาให้ผู้เรียน ได้พัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ และเราไม่ศึกษากฎหมายการศึกษาก็จะทำให้เราไม่รู้ว่ากฎหมายต่างๆมีอะไรบ้าง



ความคิดเห็น